มีอาการปวดหลัง อย่านิ่งนอนใจเพราะนั่นอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรังที่อาจไม่มีโอกาสหายได้เลย นั่นคือ “โรคหมอนรองกระดูกทับเส้น”
จากประสบการณ์จริง ในช่วงเบญจเพสของตัวเล็ก เคยป่วยเป็นโรคที่ว่าดังกล่าว ตัวเล็กเห็นว่าโรคนี้เริ่มเป็นกันมากโดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว เมื่อก่อนโดยมากจะพบในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันโดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องทำงานนอกบ้าน หนักเท่าๆ ผู้ชาย ในขณะที่ธรรมชาติสร้างมนุษย์ผู้หญิงด้วยกระดูก โครงสร้างที่เป็นเกรดบี ด้อยกว่าโครงสร้างผู้ชาย จึงไม่แปลกอะไรที่โรคนี้จะเริ่มคุกคามตัวเล็ก และตัวเล็กอยากให้บทความนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มีชะตากรรมเหมือนๆ กัน
ตัวเล็กเริ่มปวดหลัง แน่นอนไม่ได้ยกของหนักหรือผิดท่า คาดว่าน่าจะมาจากการนั่งขับรถยนต์นานกว่าปกติ เพราะงานของตัวเล็กคือการออกตลาด พบลูกค้า ชีวิตส่วนใหญ่นั่งอยู่ในรถยนต์ตลอดเกือบ 4 ปี ก็คงปวดเมื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็คงหาย ด้วยความที่ตัวเล็กเป็นคนอึดคนนึงก็ไม่ได้พักผ่อน หรือลาป่วย และยังคงทำงานตามปกติ ไม่นานนักการเดินก็เริ่มผิดปกติ รู้สึกปวดระบมหลัง จะก้มจะเงยก็ติดขัดไปหมด และแล้วคืนหนึ่งที่แสนทรมานก็มาถึง ตัวเล็กเริ่มปวดขาด้านซ้าย เป็นอาการปวดแบบไม่เคยเป็นมาก่อนคือปวดร้าวด้านในกระดูก พลิกตัวท่าไหนท่าไหนแล้วก็ไม่หาย จำได้ว่าคืนนั้นนอนดูนาฬิกาเดินกว่าจะเดินได้แต่ละนาที โอ้! เมื่อไหร่จะเช้าน๊า จะได้รีบไปหาหมอ
ตัวเล็กเป็นเด็กบ้านนอกที่เข้ามาทำงานในกรุงคนเดียว การจะไปหาหมอก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง โชคยังดีที่มีรถยนต์ส่วนตัวซึ่งเป็นเกียร์ออโต้ จึงไม่ลำบากมากนักที่จะพาร่างกายตัวเองไปให้ถึงโรงพยาบาล เลือกไปโรงพยาบาลกรุงเทพตามคำแนะนำของตัวใหญ่ เป็นโรงพยาบาลที่ดีมาก ต้องขอชมการบริการชั้นเยี่ยมจากที่นี่ หลังจากจอดรถเสร็จลงมาเดินกระเพลกๆ ก็มีบุรุษพยาบาลเข้ามาถาม ว่านั่งรถเข็นไหม๊ รีบตัดสินใจตกลงโดยทันที จากนั้นก็ไม่ต้องเดิน กระทั่งพบหมอ ชำระเงิน และขึ้นรถกลับบ้าน
จากการพบหมอ หมอสันนิษฐานว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น พอได้ยินก็รู้สึกหน้าชาชา คิดอะไรไม่ออก ตื้อไปหมดเลย สักพักพอตั้งตัวได้ คำถามก็พลั่งพรูออกมาถามหมอมากมาย
“จะหายไหม๊คะคุณหมอ” "มีโอกาสหาย แต่ก็อาจกับมาเป็นอีก"
“รักษาอย่างไร” "ผ่าตัดเอาส่วนที่ทับออก แต่ก็อาจจะเป็นได้อีก"
“เกิดจากสาเหตุอะไร” "ยกของหนัก ลักษณะการเดิน นั่งที่ผิดท่า ไม่เหมาะสม"
เพื่อความแน่ใจว่าเป็นโรคนี้ จึงตัดสินใจเข้าเครื่องสแกนที่เรียกว่า MRI สรุปว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้น ในช่วงเอว หมอนรองปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทที่ควบคุมขาซ้าย 6 มิลลิเมตร ถือว่าอาการป่วยอยู่ในระดับกลาง สำหรับการรักษาเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่จะเลือกทำตามหมอแนะนำหรือไม่
ตัวเล็กเลือกกินยาและทำกายภาพบำบัดควบคู่กัน การทำกายภาพเกิดขึ้น 7 วันติดกัน แต่อาการไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร เนื่องจากต้องนั่งขับรถไป ใช้เวลานานเกินไป การตัดสินใจลาออกจากงานจึงเกิดขึ้นภายในเวลาอันสั้น เพราะความอยากหาย ไม่อยากเป็นภาระใคร และไม่อยากเป็นที่น่าสงสารกับคนรอบข้าง ต้องกลับมาอยู่บ้านเพราะบ้านอยู่ใกล้โรงพยาบาลไม่เกิน 1 กิโลเมตร ช่วง 2 เดือนแรกต้องนอนเกือบทั้งวัน ไปโรงพยาบาลทุกวัน พยายามไม่ขับรถทางไกลแม้ว่าใจจะลอยไปถึงกรุงเทพ เป็นช่วงเวลาที่เหงา เศร้า ไม่มีใคร ท้อมาก ร้องไห้ทุกคืนอย่างหมดกำลังใจ มีครั้งหนึ่งแม่เห็นตัวเล็กร้องไห้ ก็ร้องไห้ไปด้วยกันสองคนแม่ลูก แม่ก็กอด(อ้อมกอดครั้งแรก นับแต่จำความได้) และแม่พยายามแข็งใจบอกว่า “เป็นได้ก็หายได้ มันต้องใช้เวลา ต้องอดทน ห้ามร้องไห้อีก ค่อยๆรักษากันไป” ใช่แล้วตัวเล็กต้องหายให้ได้
สู้สู้ {icon3}
เป็นกำลังใจให้
โรคนี้เหมือนกับตัวเล็กเลย ท้อ และก็กลัวเหมือนกัน
กลัวว่าจะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมได้หรือเปล่า กลัวว่าถ้าทำ
กายภาพบำบัดแล้วไม่หาย ก็จะต้องทำการผ่าตัด กลัวว่า
ร่างกายจะเดินไม่ได้เหมือนเก่า กลัวไปทุกอย่าง
แต่สุดท้ายแล้วเราต้องสู้ และอย่าท้อนะ ครอบครัวคือ
กำลังใจสำคัญของเรา ขอให้ตัวเล็กดูแลสุขภาพตัวเองดี ๆ นะ จะเป็นกำลังใจให้เสมอจ๊ะ